29/9/54

เคล็ด(ไม่)ลับขจัดคราบบนเสื้อผ้า

ดีใจจังสร้างบล็อคมาไม่ถึง ๑ ปีดี มีผู้เยี่ยมชม ๒ พันกว่าคนแล้ว
ขอบคุณทุกๆท่านนะคะที่เข้ามาชมกัน
ไม่ว่าจะมาจากช่องทางไหนก็แล้วแต่...นับว่าเป็นเกียรติมากๆ
ไม่ใช่คนดัง ไม่ค่อยโปรโมทมากมาย แถมอัพเดทก็ไม่บ่อย
ได้แค่นี้ก็บุญโขแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ

งวดนี้เอาความรู้คู่คุณแม่บ้านพ่อบ้านมาเผยแพร่
"วิธีกำจัดสารพัดคราบบนเสื้อผ้า"
ก็ไม่รู้จะเขียนอะไรดี
กลัวบ้านป๊อกป๊อกหลังนี้จะเหงาด้วย
ไปเจอมาก็คงน่าจะได้ความรู้กันบ้างแหละเนอะ

เสื้อผ้าสีขาวที่เริ่มจะกลายเป็นสีเหลือง
สามารถแก้ไขได้โดยใช้เปลือกไข่ป่นละเอียด
ใส่ลงไปในอ่างแช่ผ้า ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงซัก


เสื้อผ้าที่เลอะคราบครีม เนย น้ำมัน
ขจัดคราบโดยนำแป้งที่ใช้สำหรับทาตัวมาโรย
ใช้กระดาษทิชชู หรือกระดาษบางอื่นๆ วางทับ 
นำเตารีดที่มีความร้อนพอสมควร ทับบนกระดาษ
จนแป้งดูดคราบออกจนหมด แล้วจึงนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือด 
ขจัดคราบโดยนำนมข้นทาทันที ทิ้งไว้สักครู่แล้วนำไปขยี้น้ำออก


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดจางๆ 
ขจัดคราบโดยใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนแป้งข้นๆ
ถูเบาๆ เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออก


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดฝังแน่น
ขจัดคราบโดยใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็น ที่ผสมเกลือจนชุ่ม ถูเบาๆ
จนรอยค่อยๆ จางลง แล้วใช้น้ำเปล่าถูอีกครั้ง
สุดท้ายใช้ทิชชูซับน้ำให้แห้ง


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบกาแฟ
ขจัดคราบโดยใช้แป้งข้าวเจ้าถู แล้วซักได้ตามปกติ


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบชอกโกแล็ต
ขจัดคราบโดยรีบนำไปแช่น้ำอุ่นทันทีที่เปื้อน
อาจใช้น้ำยาขจัดคราบฝังแน่น ช่วยด้วย
จากนั้นนำไปซักแห้ง


เสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำตาเทียน
ขจัดคราบโดยใช้ก้อนน้ำแข็งขูดเกล็ดเทียนออกให้มากที่สุด
จากนั้นจึงใช้กระดาษประกบบริเวณที่เปื้อนทั้ง 2 ด้าน
แล้วใช้เตารีดอุ่นๆ รีดทับ
จนน้ำตาเทียนซึมออกมาติดกับกระดาษ


เสื้อผ้าที่เลอะโคลน
ขจัดคราบโดยปล่อยให้โคลนแห้ง ใช้แปรงปัดออก
ซักด้วยน้ำเย็นหลายๆ ครั้ง จนไม่มีน้ำโคลนออกมา
จึงซักด้วยผงซักฟอก


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำชา
ขจัดคราบโดยรีบเทน้ำเดือดลงบนรอยเปื้อนบนผ้า
ที่ยังเป็นรอยใหม่อยู่จนสีจางลงแล้ว รีบนำไปซักทันที 
ให้ซักในน้ำอุ่นกับสบู่ ถ้ายังไม่ออก 
ให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ด แล้วจึงซัก


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำผลไม้ น้ำมันพืช
ขจัดคราบโดยให้ขึงผ้าที่เปื้อนบนปากถัง
เทน้ำเดือดลงตรงรอยเปื้อน แล้วจึงซัก


เสื้อผ้าที่เลอะน้ำมันขัดเงา
ขจัดคราบโดยใช้ฟองน้ำชุบทินเนอร์ทาบริเวณที่เปื้อนในขณะที่ยังเปียกอยู่
ใช้น้ำยาซักผ้า ขยี้ตรงรอยเปื้อนทันที 
นำมาแช่ในน้ำอุ่น แล้วรีบซักทันที


เสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำมันดิบ
ขจัดคราบโดยขูดน้ำมันดิบที่ติดอยู่ออกด้วยมีดที่ไม่คม
แล้วถูด้วยน้ำมันสน หรือน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันเบนซิน (ห้ามใช้น้ำเด็ดขาด)


เสื้อผ้าที่ขึ้นราเล็กน้อย 
ขจัดคราบโดยรีบนำผ้าที่ขึ้นราใหม่ๆ
ซักในน้ำสบู่ร้อนๆให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
ให้บีบมะนาวลงไป แล้วแช่ผ้าไว้ในผงซักฟอกสักครู่
จึงซักผ้าตามปกติ


เสื้อผ้าที่เปื้อนรอยสนิม
ขจัดคราบโดยนำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน
บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่
แล้วจึงนำไปซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะคราบเบียร์
ขจัดคราบโดยซักในน้ำเย็นทันที หรือใช้แปรงจุ่มน้ำเย็น แปรงตรงรอยเปื้อนทันที


เสื้อที่เลอะคราบน้ำมันรถ (น้ำมันเครื่อง)
ขจัดคราบโดยใช้มะนาวถูบริเวณที่เปื้อน จนรอยเปื้อนจางลง แล้วจึงนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำส้มสายชู
ขจัดคราบโดยผสมแอมโมเนีย 1 ช้อนชา ในน้ำ 2 ถ้วย (ครึ่งลิตร)
แล้วแช่ 2-3 นาที ล้างออกแล้วซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะคราบน้ำหมาก น้ำหมึก
ขจัดคราบโดยก่อนซักให้นำเกลือป่นโรยตรงรอยเปื้อน
แล้วบีบน้ำมะนาว ลงไปให้ชุ่ม ผึ่งแดดไว้ครึ่งวัน จึงค่อยนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะกาว 
ขจัดคราบได้โดย ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดที่รอยเปื้อน
นำมาแช่ในน้ำเย็น แล้วซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะขี้ผึ้ง
ขจัดคราบโดยการวางกระดาษซับบนรอยเปื้อนแล้วกดด้วยเตารีดที่ร้อน
เปลี่ยนกระดาษจนกระทั่งไขทั้งหมดถูกดูดซับไปหมด
ถ้าเป็นผ้าที่บาง หรือผ้าไหมให้ใช้กระดาษทิชชู และเตารีดที่เย็นกว่า


เสื้อผ้าที่เลอะไข่
ขจัดคราบได้โดยให้ผสมน้ำยาซักผ้ากับน้ำอุ่นซัก


เสื้อผ้าที่เลอะยางกล้วย 
ขจัดคราบโดยใช้มะนาวที่ฝานเป็นชิ้นบางๆ
ถูตรงรอยเปื้อน ที่เป็นคราบดำ แล้วรีบนำมาซักทันที


เสื้อผ้าที่เลอะยาทาเล็บ
ขจัดคราบโดยซับที่รอยเปื้อนด้วยน้ำยาล้างเล็บ
และเช็ดด้วยผ้าที่สะอาด จนกระทั่งรอยเปื้อนจางลง
(ควรลองหยดน้ำยาล้างเล็บลงผ้าก่อน)


เสื้อผ้าที่เลอะยาแดง
ขจัดคราบโดยเช็ดรอยเปื้อนด้วยแอมโมเนีย
หรือซักด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ


เสื้อผ้าที่เลอะมัสตาร์ด
ขจัดคราบโดยใช้น้ำส้มสายชูถู แล้วรีบนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะคราบปัสสาวะ
ให้ซับที่รอยเปื้อน ด้วยแอมโมเนียเจือจาง
หรือเบคกิ้งโซดา แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วซักได้ตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะคราบเหงื่อ มี 3 วิธี
1.ขจัดได้โดยซักด้วยน้ำที่ผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย หรือน้ำมะนาว 
2.แช่ผ้าไว้ในน้ำยาซักผ้าที่ทำให้เจือจางในน้ำจากนั้นซักได้ตามปกติ 
3.ละลายแอสไพริน 2 เม็ดลงในน้ำ แล้วแช่ผ้าไว้สักครู่ จึงซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะหมึกแห้ง
ขจัดคราบได้โดย ใช้สเปรย์ฉีดผมฉีดตรงรอยนั้น ทิ้งไว้ให้แห้ง
แล้วใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละเท่ากัน 
เช็ดให้แห้งแล้วนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะหมึกจีน 
ขจัดคราบได้โดย ให้ฝนหัวผักกาดขาวห่อด้วยผ้ากอซ
ถูจนรอยเปื้อนจาง แล้วซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะสีน้ำมัน
ขจัดคราบโดยใช้น้ำมันเบนซินเช็ดรอยเปื้อนให้ชุ่ม
แล้วใช้น้ำมันสนเช็ดอีกที จากนั้นซักตามปกติ


เสื้อผ้าที่เลอะสีเคลือบเงา
ขจัดคราบโดยซับที่รอยเปื้อนด้วยน้ำมันสน
หรือผสมแอมโมเนีย กับน้ำมันสนในอัตราส่วนที่เท่ากัน
แช่ผ้าไว้จนกระทั่งรอยเปื้อน ละลายออก จากนั้นซักในน้ำสบู่


เสื้อผ้าที่เลอะสีปากกาเมจิก
ให้ถูด้วยน้ำมันสน แล้วนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะคราบปากกาลูกลื่น
ขจัดคราบโดยใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอยเลอะจางลง แล้วจึงนำไปซัก


เสื้อผ้าที่เลอะคราบดินสอ
ใช้ยาสีฟันป้ายลงบนรอยดินสอแล้วขยี้


เสื้อผ้าที่เลอะลิปสติก 
เอามันเปลวหมูทาตรงรอยเปื้อน หรือใช้น้ำมันหมูทา แล้วจึงซักในน้ำสบู่ร้อนๆ
หรือใช้ผงซักฟอกขาว โรยตรงรอยเปื้อนแล้วขยี้ แล้วจึงซักตามปกติ
ใช้วาสลินถูตรงรอยเปื้อนแล้วนำมาซักตามปกติ
นำมาแช้ไว้ในน้ำผสมเกลือทิ้งไว้ 1 คืน จะทำให้รอยลิปสติกหาย


เสื้อผ้าที่เลอะยางหญ้า ยางดอกไม้
ขจัดคราบโดยนำมาซักในน้ำสบู่ที่ข้นและร้อน
ถ้ายังไม่ออกให้ใช้สารฟอกขาวช่วย


เห็นม๊ะบล็อคของฉันออกจะมีสาระจะตาย ทั้งๆที่ชีวิตจริงไร้สาระสิ้นดี ฮ่าๆๆ
แล้วพบกันใหม่กับเรื่องดีๆ มีสาระ ในโอกาสหน้านะจ๊ะทุกท่าน


6/9/54

วันนี้ฉันมาบ่น

บางคน พอมีเหตุ พอมีปัญหา ก็เอาแต่ว่าเป็นเพราะคนอื่น แต่ไม่เคยย้อนดูตัวเอง

ฉันไม่ได้บอกว่าตัวฉันเองเป็นคนดีเลิศเลออะไร
เพราะฉันเองก็รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นอย่างไร...รู้ตัวดีมากถึงมากที่สุด
ในเมื่อตัวฉันรู้ว่าตัวเป็นอย่างไรแล้ว
บางคนล่ะ? เคยย้อนถามตัวเองหรือเปล่าว่า
ตัวเขา เป็นอย่างไร?
ทำไม? คนที่อยู่ในสังคมของเขาถึงได้รู้สึกกับเขาแบบนั้น
เป็นเพราะคนในสังคมของเขาเองเป็นตัวปัญหา (ดังคำที่เขาชอบมาเล่า)
หรือ ตัวเขาเองที่ทำให้เกิดปมปัญหา

ในความคิดของฉัน คนที่มีความมั่นใจในตัวเอง อีโก้สูงๆ
เป็นคุณสมบัติที่ดีที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะมีเป็นนิสัย
เพราะมันทำให้เขาดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจ คิดบวก เข้มแข็งต่อทุกสภาวะ
แต่บางครั้ง การที่มีความมั่นใจเกิน จนไม่สนสิ่งใด ไม่สนใคร
คิดว่าฉันอยู่ของฉันได้ไม่ง้อใคร หรือแม้แต่คิดว่าฉันไม่เคยทำผิด
ความคิดฉันถูกต้องเสมอ จนไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
มันจะทำให้กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวโดยไม่รู้ตัว

ตัวเองอาจไม่รู้ แต่คนรอบข้างเขารู้สึก
แล้วใครล่ะจะกล้าพูดว่าเขาเป็นคนแบบนั้น ใครจะกล้าตำหนิ
เพราะในเมื่อถ้าคนอื่น ไม่ว่าฉัน หรือใครก็ตามพูดแบบนั้น
เอาง่ายๆมันคงเป็นเรื่อง ใช่ไหม?
ฉะนั้น ทำไงได้ นอกจากมานั่งพร่ำบ่นบนบล็อกตัวเอง

..............................................
 
 
อีกสักเรื่อง ก็ไม่รู้จะบ่นที่ไหน ก็ขอที่นี่แหละ

ในชีวิตคนเราจะมีคนซักกี่คนที่รอ ที่ห่วงใยตัวเรา อย่างแท้จริงและจริงใจ
ฉันมันเป็นประเภทรู้สึกอย่างไรก็พูดก็บอกจนคนเขารำคาญ
เพราะแบบนี้ก็เลยเป็นสตรีเพศที่ไม่น่าค้นหาเท่าไร ฮ่าๆๆ
(อย่างว่าแหละมนุษย์เราตรงไปตรงมาก็ไม่ชอบ ตอแหลก็ไม่ชอบ
ชอบภาษาดอกไม้ไพเราะ น่ารัก จุ๋มจิ๋ม)

แต่...สำหรับบางคนเขาน้อยใจ เขาไม่พูด เขานิ่งๆเฉยๆใช่ว่าเขาไม่รู้สึก
คนนั้นที่ ณ เวลานี้เขาน้อยใจว่าคนที่เขารักมากที่สุด
มักจะคิดถึงเขาก็ต่อเมื่อมีความทุกข์
ยามมีความสุขก็ไม่เห็นหัว ไม่เห็นหน้า หนีหาย
โทรไปก็ทำตัวเหมือนลูกหนี้ที่ถูกทวงหนี้ คุยไม่ทันจบก็ตัดสาย
ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นทุกคนหรือเปล่านะ?
ที่ว่าพอมีแฟน มีคนรัก หรือมีความสุขกับอะไรก็ตาม
ก็มักจะเห็นความสำคัญกับสิ่งนั้นจนลืมคนบางคนที่ควรจะใส่ใจเขามากที่สุด

ก็น่าแปลก ทำไมนะ? พระเจ้าถึงได้ประทานให้แต่ละคนขาดๆเกินๆ
ไอ้คนที่มีปัญญา มันก็ไม่มีใจ ไอ้คนที่มีใจ แต่ไม่มีปัญญา
ฉันเองไม่ได้บอกว่าฉันดีอะไร
เพราะ ฉันเองก็ไม่สามารถเติมเต็มให้ได้เช่นกัน
ก็บอกแล้วไงนี่มันบล็อกของฉัน...จะพร่ำ จะบ่นก็เรื่องของฉัน

ฉันชอบเขียนเพราะฉันรู้สึกว่า
ฉันพูดก็คงไม่สู้เขียน เพราะฉันมักพ่ายกับเหตุผลเยอะๆที่ดูดี
เพราะพูดไม่เก่ง ประดิษฐ์คำไม่เป็น พูดตรงจนคนเกลียด
และถ้าพูดทุกอย่างจะพังพินาศวินาศสันตะโร
จบ.